MERCEDES-BENZ E 300 eAMG Dynamic มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ผสานกับพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิมส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนถึง 60%
รูปลักษณ์ภายนอกให้ความหรูหรา ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่สีเงินเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รูปทรงโค้ง ชุดไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ซึ่งชุดไฟหน้าของรถรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีส่องสว่างขั้นสูง ประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มของแสง ให้ระบบไฟหน้าเข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ ขณะที่ไฟท้ายรูปทรงรับกับความโค้งมนของตัวถังเป็นแบบ LED สีแดงสดเน้นการมองเห็นที่ชัดเจน
นอกจากนี้ในรุ่น E 300 e AMG Dynamic ยังเพิ่มความหรูหราไฮโซ ด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟบานใหญ่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า และยังตกแต่งเสริมความพิเศษเฉพาะรุ่นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ 19 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารล้ำสมัย พร้อมความสะดวกสบาย ตามสไตล์ซีดานหรูยุคใหม่ บริเวณแผงแดชบอร์ดสุดล้ำ ด้วยจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบแบบ Digital widescreen cockpit ระบบ Audio 20 GPS ขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อระหว่างแผงหน้าปัด TFT กับจอภาพหลักบนคอนโซลกลางเสมือนเป็นจอเดียวกัน โดยสามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยระบบ Touch pad บริเวณคอนโซนกลางระหว่างเบาะคู่หน้า พร้อมปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบริเวณก้านพวงมาลัยที่ใช้งานสะดวกผู้ขับไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ส่วนการตกแต่งจุดอื่นที่น่าสนใจ ก็มีทั้งเบาะทรงสปอร์ตรองรับสรีระได้ดีเยี่ยม หุ้มด้วยหนัง nappa เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าได้ละเอียดรองรับสรีระได้ดีทั้งแผ่นหลัง และช่วงต้นขา พร้อมกับ Memory Seat และห้องโดยสารสามารถสร้างบรรยากาศความมีชีวิตชีวาด้วยโหมดปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย
สมรรถนะการขับเคลื่อนให้ความแรงจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี ที่ให้ พละกำลังสูงถึง 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และมีแรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่1,200 – 4,000 รอบ/นาที เมื่อผสานพลังกับมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 122 แรงม้า ทำให้ได้ System Output สูงสุดถึง 320 แรงม้าที่ 4,500 – 5,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตัน-เมตร นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยเพียง 46 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งรถรุ่นนี้ยังมีจุดเด่นที่การใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh มากกว่าเดิมถึง 110% ผสานกับประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมง (ชาร์จด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด)
เริ่มทดลองขับด้วยโหมด HYBRIDถ้าแบตเตอรี่เต็มแผงหน้าปัดจะแสดงระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุดถึง 53 กิโลเมตร การขับขี่จะเน้นขับแบบใช้งานจริงตามสภาพจราจร เมื่อสังเกตได้จากมาตรวัดรอบที่แผงหน้าปัดด้านขวาจะนอนสงบนิ่งที่ 0 รอบ/นาที โดยตลอดเท่ากับว่าเครื่องยนต์ไม่ติดให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดการเดินทางใช้ความเร็วประมาณ 100-120 กม./ชม.ก็ยังใช้ไฟฟ้าได้ยาวๆ ไปจนถึงระยะทาง 45 กิโลเมตร สถานะไฟฟ้าในแบตเตอรี่ที่แผงหน้าปัดก็จะเหลือประมาณ 15-20 % พร้อมระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าที่เหลือให้ไปได้อีก 4 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าวิ่งด้วยไฟฟ้า 100 % ได้ระยะทางที่ไกลมากขึ้นมากกว่ารถยนต์รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นก่อนหน้านี้
การขับขี่ใช้งานทั่วๆถ้าไม่สะดวกในการเสียบปลั๊กชาร์จไฟบ่อยๆ ก็สามารถขับขี่ด้วยโหมด HYBRID ได้เลย ระบบก็จะเลือกแหล่งพลังงานขับเคลื่อนให้เองแบบผสมผสานการทำงานที่เหมาะสมระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ พร้อมกับชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติ เมื่อถอนคันเร่ง และเบรค แต่เท่าที่ขับขี่ใช้งานทั่วๆไป โหมดนี้เมื่อพลังไฟฟ้าต่ำกว่า 10 % เครื่องยนต์หลักจะติดขึ้นทันที หรือเมื่อกดคันเร่งหนักเครื่องยนต์ก็ทำงานตลอดช่วยให้เร่งได้ทันใจ และเครื่องยนต์จะดับเมื่อยกคันเร่งเพื่อชะลอความเร็ว ช่วยเสริมความประหยัด และลดมลพิษ ส่วนช่วงเดินทางไกล เมื่อแบตเตอรี่มีพลังงานเกิน 10 % ขึ้นไปก็สามารถเดินคันเร่งเนียนๆบังคับให้ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อนได้ตามปริมาณแบตเตอรี่ที่มีการจ่าย และชาร์จไฟตลอดเวลา ซึ่งก็เหมือนกับการทำงานของรถยนต์ไฮบริดทั่วๆไป
MERCEDES-BENZ E 300 e AMG Dynamic ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 แบบ คือ Eco, Comfort, Sport และ Sport+ โดยค่ากลางทุกครั้งที่เริ่มสตาร์ทจะอยู่ในโหมด C หรือ Comfort เน้นการขับขี่ที่นุ่มนวล พวงมาลัย และช่วงล่าง ปรับน้ำหนักพอดีๆ ขับสบาย ให้ความนุ่มนวล เหมาะกับคนไม่เน้นขับรถเร็ว หรือขับใช้งานปกติในชีวิตประจำวัน และถ้าต้องการความประหยัดก็เปลี่ยนมาใช้โหมด Eco ฟิลลิ่งการขับขี่ก็คล้ายๆกับโหมด Comfortแต่จะได้เรื่องความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น ด้วยรอบการทำงานในแต่ละช่วงความเร็วที่ต่ำลง ส่วนผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เร้าใจแบบรถสปอร์ต ต้องลองของกับโหมด Sport หรือ Sport+ได้เลย ซึ่งคันเร่งจะเบาลงกดนิดเดียวความเร็วก็พุ่งทะยานทันใจ จนเห็นความแต่ต่างจากโหมดอื่นได้อย่างชัดเจน
MERCEDES-BENZ E 300 e AMG Dynamic ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย มีประโยชน์ต่อการใช้งาน ทั้ง ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system), โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist, ระบบรักษาความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ
ราคาจำหน่าย MERCEDES-BENZ E 300 e AMG Dynamic ราคา 3,770,000บาท