เพื่อตอกย้ำความเป็นที่สุดของซิตี้คาร์ยอดนิยมอย่าง ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม อัตราเร่งแรงเร้าใจ และยังโดดเด่นเรื่องประหยัดน้ำมัน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนชั้นนำรวมกว่า 60 สื่อ ร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่และอัตราประหยัดน้ำมันของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ทั้งขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลัง TURBO ในกิจกรรม Fuel Challenge การแข่งขันประหยัดน้ำมัน บนเส้นทางกรุงเทพฯ-สิงห์บุรี รวมระยะทาง 133 กิโลเมตร จากการขับขี่และใช้งานจริงของสื่อมวลชน ผลการทดสอบสามารถทำสถิติอัตราประหยัดน้ำมันในขุมพลัง e:HEV สูงสุด 42.3 กม./ลิตร และขุมพลัง TURBO สูงสุด 38.8 กม./ลิตร (ตัวเลขอ้างอิงอัตราประหยัดน้ำมันขุมพลัง e:HEV 27.8 กม./ลิตร และขุมพลัง TURBO 23.8 กม./ลิตร)
ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ เป็นซิตี้คาร์ที่ขับสนุก ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม และคุ้มค่าที่สุดในคลาส
VDO Link: https://youtu.be/0vmJcUTJnDo
ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ แรง ประหยัด คุ้มค่า ความลงตัวของวันนี้ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
คุณเกียรติสยาม เกิดทรัพย์ จาก Driveautoplace กล่าวว่า “ระบบฟูลไฮบริดของ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มีการจัดสรรพลังงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าได้ค่อนข้างดี ตัวเลขที่ทำได้จริงจากการขับขี่ประหยัดพลังงานได้เกินความคาดหมาย ผมใช้ความเร็วประมาณ 60-80 กม./ชม. ซึ่งแปรผันตามสภาพการจราจรในเมืองที่จำนวนรถค่อนข้างหนาแน่น จังหวะที่เร่งและยกคันเร่งมอเตอร์ สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้ค่อนข้างเร็ว ทำให้สามารถใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนได้เยอะ ถือเป็นรถในกลุ่มซิตี้คาร์ที่ให้ความคุ้มค่าในการเดินทางได้ดี ณ เวลานี้”
คุณพรหมมินทร์ งามจั่นศรี จาก driveautoblog.com กล่าวว่า “เทคโนโลยี e:HEV ของฮอนด้าเป็นระบบไฮบริดที่ฉลาดมาก รถจะรู้เองว่าตอนไหนขับด้วยมอเตอร์หรือเครื่องยนต์ และเหมาะกับการใช้ชีวิตในตอนนี้ที่ระบบอำนวยความสะดวกของรถ EV ยังไม่ครอบคลุมหรือสถานีชาร์จไฟยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ จึงเหมาะที่สุดและทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เพราะใช้ได้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งเสริมให้ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถที่ใช้น้ำมันอย่างเดียวถึง 30%”
นอกจากนี้ คุณพรหมมินทร์ ยังกล่าวถึงเทคนิคการขับขี่รถฟูลไฮบริด e:HEV ของฮอนด้าให้ประหยัดน้ำมัน “สำหรับการขับรถ e:HEV ของฮอนด้าให้ประหยัดน้ำมัน คือต้องทำให้สัญญาณไฟ EV ขึ้น โดยมีวิธี คือ
1) ใช้คันเร่งสม่ำเสมอ อย่าเติมคันเร่งมากเกินไป หรือดีที่สุดคือพยายามให้ความเร็วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ หรือพยายามเติมคันเร่งควบคุมให้ความเร็วคงที่
2) ออกตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ช่วยถนอมรถ เกียร์ และยางอีกด้วย รวมถึงเลือกใช้ฟีเจอร์ที่เหมาะสม อาทิ การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม ไม่ต่ำหรือสูงจนเกินไป แต่หากขับแล้วสัญญาณไฟ EV บนรถไม่เคยขึ้นเลย แสดงว่าคุณขับแบบไม่ประหยัดน้ำมัน มีการเติมคันเร่งที่หนักตลอดเวลา เครื่องยนต์จึงติดเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้ทันการใช้งานตลอดเวลา จึงไม่สามารถปั่นไฟไปเก็บที่แบตเตอรี่ไฮบริดได้ทันสำหรับการขับขี่ในโหมด EV”
ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ ซิตี้คาร์ในใจลูกค้า ขับสนุก ประหยัดเกินคาด
คุณสราวุธ คำศรี จาก Carbeliever.com กล่าวว่า “จากการที่ได้ขับ ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ ในสภาพการจราจรทั้งในเมืองและนอกเมือง ถือเป็นรถซิตี้คาร์ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับรถสันดาปด้วยกัน เรียกได้ว่าประหยัดเกินคาดจริง ๆ เชื่อว่ารถคันนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าแน่นอน”
ลูกค้าที่สนใจสามารถร่วมสัมผัสและทดลองขับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่สุดของยนตรกรรมซิตี้คาร์ ที่จะทำให้ทุกวันของคุณสมบูรณ์แบบ ทั้งขุมพลัง e:HEV และขุมพลัง TURBO ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ โดยสามารถสอบถามข้อมูลจากที่ปรึกษาการขายได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมทาง www.honda.co.th/city
ลูกค้าที่ลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ถึง 30 กันยายน 2566 จะได้รับฟรี ขวดน้ำพับได้ มูลค่า 250 บาท*
รายละเอียดการแข่งขันประหยัดน้ำมัน Fuel Challenge ของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่
สำหรับการแข่งขันประหยัดน้ำมัน Fuel Challenge ของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 13 กรกฎาคม 2566 จุดสตาร์ทเริ่มที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด สำนักงานใหญ่ ส่วนการขายและบริการ สู่จังหวัดสิงห์บุรี รวมระยะทาง 133 กิโลเมตร โดยมีผู้เชี่ยวชาญการขับประหยัดน้ำมันเป็นกรรมการ ภายใต้กติกาการแข่งขัน อาทิ ห้ามขับเกินเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที โดยรีเซตระยะทางที่หน้าปัดเป็นศูนย์ 2 ครั้ง คือ จุดสตาร์ทและจุดพักรถ โดยกรรมการจะนำอัตราประหยัดน้ำมันของผู้ขับขี่สองคนมาหาค่าเฉลี่ยกลาง เพื่อหาผู้ที่ทำได้ดีที่สุด โดยแบ่งประเภทตามขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลัง TURBO สำหรับผลการแข่งขันประหยัดน้ำมันของ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ทั้ง 2 ประเภทขุมพลัง สื่อมวลชนคู่ที่สามารถทำสถิติการขับประหยัดน้ำมันได้ดีที่สุด จากการขับขี่จริง 4 วัน ได้แก่
ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ รุ่น SV ทำสถิติอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 38.8 กม./ลิตร ร่วมขับโดยคุณสราวุธ คำศรี จาก Carbeliever.com และคุณปิยะ มีทรัพย์ไพบูลย์ จาก motorforward.com
ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ รุ่น e:HEV SV ทำสถิติอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 42.3 กม./ลิตร ร่วมขับโดย คุณเกียรติสยาม เกิดทรัพย์ จาก Driveautoplace และคุณอทิติ ศศิโรจน์ จาก carallstyle.com
ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ รุ่น e:HEV RS ทำสถิติอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 34.45 กม./ลิตร ร่วมขับโดยคุณพรหมมินทร์ งามจั่นศรี จาก driveautoblog.com และคุณณัฐเวช ยอดแสง จาก carinner.com
ข้อมูลเกี่ยวกับ ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ที่สุดของยนตรกรรมซิตี้คาร์ ที่จะทำให้ทุกวันของคุณสมบูรณ์แบบ ที่มาพร้อมคุณค่าที่ยกระดับซิตี้คาร์ไปอีกขั้น กับ 2 ขุมพลังทางเลือกทั้งฟูลไฮบริด e:HEV และ TURBO เพื่อตอบโจทย์การขับขี่ที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังขับสนุกและประหยัดน้ำมัน ที่มาพร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย เพิ่มเติมฟังก์ชันใหม่ ด้วยระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) มีเฉพาะในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS ครบครันด้วยความปลอดภัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)* ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)* ถุงลม 6 ตำแหน่ง* กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตพรีเมียมรอบคัน เช่น กันชนหน้ากันชนหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง และกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS* ดีไซน์ภายในกว้างขวาง โปร่งโล่ง เสริมลุคสปอร์ตพรีเมียมใหม่กับเส้นสายสีแดงภายใน มาพร้อมระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายที่เชื่อมต่อง่ายในไม่กี่ขั้นตอน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
เปิดประสบการณ์สุดเร้าใจและท้าทายทุกการขับขี่ ด้วย 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน ได้แก่
- ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุดที่ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
- ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20
ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น
- ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
- รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
- รุ่น e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
- ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
- รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
- รุ่น V ราคา 629,000 บาท
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV, และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V)
พร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี** และเฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง** เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566**